การประเมินมูลค่าสต็อกม้วนกระดาษเพื่อการประกันภัย: ความสำคัญของค่าใช้จ่ายในการกำจัดซาก

สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการกับวัตถุดิบและสินค้าที่มีปริมาณมาก เช่น โรงงานผลิตกระดาษ, พลาสติก, ยาง, หรือไม้ จุดอ่อนสำคัญที่หลายธุรกิจมองข้ามในการบริหารความเสี่ยงคือ “การประเมินมูลค่าความเสียหายของสต็อกสินค้า” โดยเฉพาะสต็อกม้วนกระดาษขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มีแค่ราคาซื้อขาย แต่ยังมี “ค่าใช้จ่ายในการกำจัดทิ้ง” ซ่อนอยู่ ซึ่งหากไม่นำมาคำนวณรวม ประกันภัยที่ทำไว้อาจไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่แท้จริง

บ่อยครั้งที่ธุรกิจประเมินมูลค่าสต็อกกระดาษสำหรับวัตถุประสงค์ประกันภัยต่ำกว่าความเป็นจริง สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะไม่สนใจในมูลค่าของกระดาษม้วน แต่เป็นเพราะลืมหรือไม่ทราบว่ายังมีต้นทุนมหาศาลที่เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายในการกำจัดซาก” ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสต็อกเหล่านั้นเสียหายจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากเหตุอัคคีภัยหรือน้ำท่วม ต้นทุนส่วนนี้สามารถพุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็นภาระทางการเงินที่หนักเกินกว่าที่คาดคิด

เหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการกำจัดซากสต็อกกระดาษที่เสียหายนั้นสูงมาก มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ประการแรกคือ น้ำหนักและปริมาณมหาศาล ของกระดาษม้วน เมื่อได้รับความเสียหายจากน้ำหรือไฟ กระดาษจะอุ้มน้ำและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ทำให้การขนย้ายต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่และแรงงานจำนวนมาก ประการที่สองคือ ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม การกำจัดซากกระดาษอุตสาหกรรมที่ปนเปื้อนสารเคมีหรือขี้เถ้า ไม่ใช่แค่การนำไปทิ้งขยะทั่วไป แต่ต้องดำเนินการอย่างถูกวิธีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการกำจัดที่สูงมาก

กรณีศึกษา: บทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานกระดาษ

โรงงานผลิตกระดาษแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกประสบเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ความเสียหายจากไฟลามไปถึงโกดังเก็บสต็อกม้วนกระดาษปริมาณมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น แต่กลับถูกน้ำจากระบบดับเพลิงและสารเคมีปนเปื้อนจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

ในช่วงแรก ทางโรงงานประเมินความเสียหายเฉพาะมูลค่าของกระดาษตามราคาตลาดเท่านั้น แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ “ค่าใช้จ่ายในการกำจัดซาก” ที่สูงถึงหลักหลายสิบล้านบาท เนื่องจากกระดาษที่เปียกน้ำและปนเปื้อนมีน้ำหนักมหาศาลและไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ตามปกติ ต้องจ้างบริษัทมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกำจัดของเสียอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายดำเนินการที่ซับซ้อนและค่าธรรมเนียมสูงกว่าการทิ้งขยะทั่วไปหลายเท่าตัว

มูลค่าประกันภัยที่โรงงานทำไว้ครอบคลุมเพียงมูลค่ากระดาษที่เสียหาย แต่ไม่ได้เผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายในการกำจัดทิ้งที่เกิดขึ้นตามมามหาศาลนี้ ส่งผลให้โรงงานต้องแบกรับภาระส่วนต่างจำนวนมาก และยิ่งซ้ำเติมสภาพคล่องทางการเงินหลังเกิดเหตุการณ์

ดังนั้น ประเด็นที่ควรเน้นย้ำคือ การประเมินมูลค่าสต็อกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าจำพวกม้วนกระดาษ หรือวัตถุดิบอื่นๆ ที่มีน้ำหนักมากและอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการกำจัดเมื่อเสียหาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ราคาซื้อหรือต้นทุนการผลิตเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงค่าใช้จ่ายในการกำจัดทิ้งที่อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อภัยพิบัติมาเยือน การมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าที่ครอบคลุมจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยที่มีอยู่จะสามารถเป็นเกราะป้องกันที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงความคุ้มครองที่เล็กเกินไปสำหรับความเสียหายขนาดใหญ่

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยที่มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอและเหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจ

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment