การเลือกค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) เชิงกลยุทธ์: เครื่องมือบริหารความเสี่ยงและกระแสเงินสด

เมื่อพูดถึง “ค่าเสียหายส่วนแรก” หรือ Deductible ผู้ประกอบการโรงงานจำนวนมากอาจมองว่าเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่บริษัทประกันภัยนำมาใช้เพื่อลดเบี้ยประกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงอย่างโรงงานอุตสาหกรรม Deductible ไม่ใช่แค่ส่วนลด แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินเชิงกลยุทธ์ที่ทรงพลัง ซึ่งหากเข้าใจและเลือกใช้อย่างชาญฉลาด จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

ในโลกของธุรกิจโรงงาน การควบคุมกระแสเงินสด (Cash Flow) คือหัวใจสำคัญ การตัดสินใจเกี่ยวกับ Deductible จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเบี้ยประกันถูก แต่คือการตัดสินใจว่าจะบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นบ่อยแต่มีมูลค่าน้อย (High Frequency, Low Severity) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไม่บ่อยแต่มีมูลค่าสูง (Low Frequency, High Severity) อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด Deductible ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บเงินสดไว้ในมือได้มากขึ้น ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปหมุนเวียนในธุรกิจหรือเป็นทุนสำรองฉุกเฉินได้

โรงงานหลายแห่งจ่ายเบี้ยประกันภัยแพงเกินจำเป็น เพียงเพราะเลือก Deductible ที่ต่ำมากๆ ด้วยความเชื่อว่าจะได้รับการชดเชยทุกบาททุกสตางค์เมื่อเกิดความเสียหายเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น เครื่องจักรขัดข้องเล็กน้อย บริษัทประกันภัยมักจะเรียกเก็บ Deductible ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และหาก Deductible ต่ำ นั่นหมายความว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปต่อปีจะสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เงินจำนวนมากไหลออกจากกระแสเงินสดของกิจการ แทนที่จะนำไปลงทุนกับการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ซึ่งอาจเป็นวิธีที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

กรณีศึกษา: การปรับเปลี่ยน Deductible เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด

โรงงานผลิตยางแห่งหนึ่งซึ่งมีอัตราการเกิดเหตุเครื่องจักรขัดข้องเล็กน้อยค่อนข้างบ่อยครั้ง โดยในแต่ละปีมีการเรียกร้องสินไหมทดแทนความเสียหายมูลค่าน้อยกว่า 50,000 บาท เฉลี่ย 3-4 ครั้ง แต่ด้วยความที่โรงงานแห่งนี้เลือก Deductible ไว้เพียง 10,000 บาท ทำให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปีสูงกว่าเกณฑ์ตลาดถึง 20-25% หากคำนวณเบี้ยประกันส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเทียบกับมูลค่าความเสียหายที่ได้รับชดเชยแล้ว กลับพบว่าไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ การเรียกร้องสินไหมเล็กๆ น้อยๆ บ่อยครั้งยังเพิ่มภาระงานเอกสารและอาจส่งผลต่อการพิจารณาต่ออายุกรมธรรม์ในอนาคต

ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โรงงานแห่งนี้ได้พิจารณาเพิ่ม Deductible เป็น 50,000 บาท ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เงินที่ประหยัดได้จากเบี้ยประกันถูกนำไปตั้งเป็นกองทุนสำรองความเสียหายขนาดเล็กสำหรับรองรับเหตุการณ์ที่ไม่รุนแรงเหล่านี้แทน ผลลัพธ์ที่ได้คือ โรงงานมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นทันที อีกทั้งยังส่งเสริมให้ฝ่ายปฏิบัติการตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลรักษาเครื่องจักรและการป้องกันความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการป้องกันความเสี่ยงอย่างจริงจังอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว การตัดสินใจเลือกค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ที่เหมาะสม จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการต่อรองราคาเบี้ยประกัน แต่มันคือการวางแผนบริหารความเสี่ยงเชิงรุกที่สอดรับกับสถานะทางการเงินและความสามารถในการรับความเสี่ยงของธุรกิจ ควรมีการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งประวัติการเรียกร้องสินไหม, ความถี่และความรุนแรงของความเสียหายที่เคยเกิดขึ้น, งบประมาณด้านการบำรุงรักษา, ไปจนถึงสภาพคล่องของกิจการ เพราะ Deductible ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละโรงงานย่อมไม่เหมือนกัน แต่ Deductible ที่ถูกเลือกอย่างชาญฉลาด คือเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถบริหารเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนแฝงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment