ผลกระทบของระบบ Sprinkler ต่อเบี้ยประกันภัย: ปัจจัยที่ผู้ประกอบการโรงงานควรทราบ

ผลกระทบของระบบ Sprinkler ต่อเบี้ยประกันภัย: ปัจจัยที่ผู้ประกอบการโรงงานควรทราบ

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานแปรรูปพลาสติก ยาง ไม้ และกระดาษ มักเกิดคำถามขึ้นบ่อยครั้งว่า “เหตุใดการลงทุนติดตั้งระบบ Sprinkler แล้ว เบี้ยประกันภัยจึงยังไม่ลดลงอย่างที่คาดหวัง” ประเด็นนี้สะท้อนถึงความเข้าใจที่ว่าการมี Sprinkler เป็นสูตรสำเร็จในการลดเบี้ยประกันภัยเสมอไป ซึ่งในมุมมองของบริษัทประกันภัยแล้ว ปัจจัยในการพิจารณามีความซับซ้อนมากกว่านั้น

แม้ว่าข้อมูลทั่วไปอาจระบุว่า Sprinkler เป็นมาตรการลดความเสี่ยงที่สำคัญและสามารถช่วยลดเบี้ยประกันได้ แต่ในทางปฏิบัติ มีปัจจัยอีกหลายประการที่บริษัทประกันภัยนำมาพิจารณานอกเหนือจากการมีระบบ Sprinkler เพียงอย่างเดียว การลงทุนในระบบนี้จึงไม่ได้หมายความว่าเบี้ยประกันจะลดลงในอัตราส่วนที่คาดหวังเสมอไป

เหตุใด Sprinkler จึงไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับการลดเบี้ยประกัน

ประเด็นแรกที่มักถูกมองข้ามคือ ประเภทและความเสี่ยงโดยธรรมชาติของวัสดุที่ใช้ในการผลิต แม้โรงงานอาจจะมี Sprinkler แต่หากมีการแปรรูปพลาสติกที่ติดไฟง่าย, ไม้ที่มีฝุ่นจำนวนมากซึ่งเสี่ยงต่อการระเบิด, หรือยางที่เป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ความเสี่ยงโดยรวมของโรงงานก็ยังคงสูงอยู่ดี ในบางกรณีเพลิงไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงบางชนิดอาจรุนแรงและรวดเร็วจน Sprinkler ไม่สามารถควบคุมได้ทันท่วงที หรืออาจทำได้เพียงชะลอการลุกลามเท่านั้น บริษัทประกันภัยมองว่าความรุนแรงของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนระดับความเสี่ยงและเบี้ยประกันภัย

ประเด็นถัดมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ มาตรฐานการติดตั้ง การออกแบบ และการบำรุงรักษาระบบ Sprinkler การมี Sprinkler ไม่ใช่แค่การนำหัวฉีดมาติดตั้ง แต่ต้องพิจารณาถึงการออกแบบที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล เช่น NFPA, การคำนวณแรงดันน้ำ, ปริมาณน้ำสำรองที่เพียงพอ, และที่สำคัญที่สุดคือการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากโรงงานลงทุนติดตั้ง Sprinkler แต่ขาดการดูแลจนระบบไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในมุมมองของบริษัทประกันภัย นี่คือความเสี่ยงแฝงที่ร้ายแรงไม่ต่างกับการไม่มี Sprinkler เลย

และสุดท้ายคือ องค์ประกอบด้านการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของโรงงาน บริษัทประกันภัยไม่ได้มองแค่เรื่องอัคคีภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองภาพรวมของการบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการความปลอดภัย, การอบรมพนักงาน, การจัดเก็บวัตถุดิบที่ถูกต้องตามหลักความปลอดภัย, การมีแผนฉุกเฉิน, และการบำรุงรักษาเครื่องจักรและระบบไฟฟ้าที่ดี การมี Sprinkler คือส่วนหนึ่งของจิ๊กซอว์ด้านความปลอดภัย แต่ถ้าจิ๊กซอว์ตัวอื่นๆ ไม่สมบูรณ์ บริษัทประกันภัยก็ยังคงประเมินว่าโรงงานยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ดี

บทเรียนจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

กรณีศึกษาหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้พลาสติกและยางเป็นวัตถุดิบหลัก ผู้บริหารได้ลงทุนติดตั้งระบบ Sprinkler ชนิดพิเศษด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันมหาศาล แต่เมื่อบริษัทประกันภัยเข้ามาสำรวจ กลับพบว่าแม้ระบบ Sprinkler จะทันสมัย แต่การจัดเก็บวัตถุดิบประเภทพลาสติกอัดแน่นเป็นบล็อกขนาดใหญ่ในแนวตั้งสูง ทำให้เกิดปริมาณเชื้อเพลิงสะสม (Fire Load) ที่สูงมากจน Sprinkler อาจไม่สามารถดับเพลิงได้อย่างสมบูรณ์หากเกิดเหตุขึ้นจริง นอกจากนี้ การขาดการฝึกอบรมพนักงานและแผนฉุกเฉินที่ชัดเจน ทำให้บริษัทประกันภัยยังคงประเมินความเสี่ยงโดยรวมอยู่ในระดับสูง และเสนอส่วนลดเบี้ยประกันให้เพียงเล็กน้อย

สรุป: Sprinkler คือการลงทุนเพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่แค่เพื่อลดเบี้ยประกัน

การติดตั้งระบบ Sprinkler คือการลงทุนที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อปกป้องชีวิต, ทรัพย์สิน, และความต่อเนื่องทางธุรกิจ แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่กำหนดเบี้ยประกันภัย บริษัทประกันภัยมองความเสี่ยงแบบองค์รวม การลดเบี้ยประกันที่ยั่งยืนจะมาจากการบริหารจัดการความเสี่ยงแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง, การป้องกัน, การลดผลกระทบ, ไปจนถึงการมีแผนฟื้นฟูหลังเกิดเหตุการณ์ โดยมี Sprinkler เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง

ดังนั้น หากกำลังพิจารณาการลงทุนใน Sprinkler หรือสงสัยว่าทำไมเบี้ยประกันยังคงสูงอยู่ ควรพิจารณาภาพรวมของการบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งหมดในโรงงาน การทำความเข้าใจหลักการประเมินของบริษัทประกันภัยและนำเสนอข้อมูลความปลอดภัยในมิติที่ครบถ้วน จะช่วยให้ได้รับข้อเสนอที่ยุติธรรมและเหมาะสมกับความเสี่ยงที่แท้จริงของธุรกิจ

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment