
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง ผู้บริหารจำนวนมากมีความพยายามในการสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ในองค์กร โดยอาจทุ่มงบประมาณไปกับการฝึกอบรมหรืออุปกรณ์ป้องกันภัย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ความพยายามเหล่านี้กลับไม่ยั่งยืนหรือล้มเหลว เหตุผลหลักคือ วัฒนธรรมความปลอดภัยที่แท้จริงไม่สามารถ “สั่ง” ให้เกิดขึ้นได้จากบนลงล่าง แต่ต้อง “งอกเงย” ขึ้นมาจากรากฐานที่มั่นคงภายในองค์กรเอง
บ่อยครั้งที่ผู้บริหารมองว่าความปลอดภัยเป็นเพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือการลดตัวเลขสถิติอุบัติเหตุ วิธีคิดเช่นนี้ทำให้กลยุทธ์ด้านความปลอดภัยมักจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างกฎเกณฑ์ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังจิตสำนึกหรือการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจากพนักงานระดับปฏิบัติการ พนักงานมักจะรู้สึกว่านี่คือภาระหรือหน้าที่ที่ถูกสั่งให้ทำ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารู้สึกเป็นเจ้าของ ส่งผลให้เมื่อไม่มีการจับตามอง กฎระเบียบเหล่านั้นก็มักจะถูกละเลยได้โดยง่าย
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือความไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งในสภาพหน้างานจริง การตัดสินใจด้านความปลอดภัยจึงอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่ควรจะเป็น” กับ “สิ่งที่ทำได้จริง” หากไม่มีการสื่อสารสองทางที่มีประสิทธิภาพ พนักงานก็จะไม่รู้สึกว่าเสียงของพวกเขาได้รับการรับฟัง และความปลอดภัยก็กลายเป็นเพียงภาระเพิ่มเติมที่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร
กรณีศึกษาเปรียบเทียบ
โรงงานผลิตชิ้นส่วนยางขนาดใหญ่แห่งหนึ่งมีการลงทุนในระบบ ISO 45001, จัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) คุณภาพสูง, และติดป้ายเตือนต่างๆ ทั่วทั้งโรงงาน แต่เบื้องหลังตัวเลขสถิติอุบัติเหตุที่ลดลง พนักงานหลายคนมองว่าการรายงานเหตุการณ์ “เกือบพลาด” (near-miss) เป็นการสร้างภาระและอาจถูกตำหนิได้ ทำให้หลายเหตุการณ์ถูกปกปิดเพื่อรักษาสถิติ จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดเหตุเครื่องจักรหนีบนิ้วพนักงานอย่างรุนแรง ซึ่งจากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า จุดเกิดเหตุเป็นจุดที่เคยมีเหตุการณ์เกือบพลาดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยถูกรายงานอย่างเป็นทางการ
ในทางตรงกันข้าม โรงงานแปรรูปไม้ขนาดกลางแห่งหนึ่งเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของผู้บริหารให้มองว่า “พนักงานคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด” แทนที่จะสั่งการ ได้มีการสร้าง “คณะกรรมการความปลอดภัย” ที่ประกอบด้วยตัวแทนพนักงานจากทุกแผนก คณะกรรมการนี้มีอำนาจและงบประมาณในการเสนอแนะและดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัยด้วยตนเอง เมื่อเวลาผ่านไป พนักงานเริ่มรู้สึกเป็นเจ้าของ พวกเขากลายเป็น “หูและตา” ของโรงงานในการมองเห็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ และช่วยกันเสนอแนวคิดใหม่ๆ ในการป้องกันภัย วัฒนธรรมที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือนี้ ทำให้โรงงานนี้มีสถิติอุบัติเหตุต่ำมากและพนักงานมีความผูกพันกับองค์กรสูง
ดังนั้น วัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่เรื่องของการบังคับใช้กฎ แต่คือการสร้าง “ความเชื่อ” และ “ความรู้สึกเป็นเจ้าของ” ในหมู่พนักงานทุกคน หากผู้บริหารต้องการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ไม่ล้มเหลว ก็ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงมุมมอง, ยอมรับว่าพนักงานระดับปฏิบัติการคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในหน้างานของพวกเขา, เปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะ, และให้โอกาสพวกเขาในการร่วมคิดและร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย นอกจากนี้ การสร้างบรรยากาศที่พนักงานกล้าที่จะรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยไม่กลัวการถูกตำหนิ จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงในอนาคตได้อย่างแท้จริง
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm