การสื่อสารแผนป้องกันความเสี่ยง: ประสิทธิภาพของ Infographic เทียบกับคู่มือแบบดั้งเดิม

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พลาสติก, ยาง, ไม้, หรือกระดาษ แผนป้องกันความเสี่ยงและคู่มือความปลอดภัยจำนวนมากมักถูกจัดทำขึ้นอย่างละเอียดและมีข้อมูลหนาแน่น แต่แผนป้องกันความเสี่ยงที่หนาหลายสิบหน้า มักจะไร้ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง แผนภาพ Infographic เพียงหนึ่งหน้าที่มีเนื้อหาครบถ้วนและเข้าใจง่ายต่างหาก คือเครื่องมือที่ทรงพลังกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

เหตุผลสำคัญคือ แผนป้องกันความเสี่ยงที่ดีไม่ได้อยู่ที่ความละเอียดของเอกสาร แต่เป็นเรื่องของความสามารถในการนำไปใช้และการปลูกฝังให้ความปลอดภัยกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร คู่มือความปลอดภัยเล่มหนาอาจดูเหมือนเป็นความรอบคอบ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้ปฏิบัติงานแทบจะไม่มีเวลามาศึกษาคู่มือเหล่านั้นให้ขึ้นใจได้ทั้งหมด หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง เช่น เพลิงไหม้ หรือเครื่องจักรขัดข้องอย่างรุนแรง สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคือการรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่การวิ่งกลับไปเปิดคู่มือเล่มหนา

ข้อจำกัดของแผนป้องกันความเสี่ยงแบบดั้งเดิม

  1. ขาดการมีส่วนร่วม: การอ่านเอกสารปริมาณมากเป็นเรื่องน่าเบื่อ ทำให้พนักงานไม่สนใจที่จะศึกษาอย่างจริงจัง
  2. ข้อมูลล้นเกิน: ข้อมูลที่มากเกินไปกลับทำให้สาระสำคัญจมหายไปในรายละเอียด พนักงานไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดคือข้อมูลสำคัญที่ต้องจดจำในภาวะวิกฤต
  3. ความไม่ยืดหยุ่น: สถานการณ์จริงไม่เคยเป็นไปตามตำรา แผนที่ตายตัวเกินไปอาจไม่สามารถปรับใช้ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
  4. การสื่อสารที่ล้มเหลว: เมื่อข้อมูลไม่ถูกย่อยให้เข้าใจง่าย การสื่อสารจากผู้บริหารไปยังพนักงานหน้างานก็ทำได้ยากยิ่งขึ้น

ตรงกันข้ามกับแผนภาพ Infographic หนึ่งหน้า แผนภาพที่ถูกออกแบบมาอย่างดีจะสามารถรวบรวมข้อมูลสำคัญ, สัญลักษณ์, และขั้นตอนการปฏิบัติที่จำเป็นไว้ในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ภาพ, สีสัน, และกราฟิกที่เข้าใจง่าย ช่วยให้สมองประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วกว่าตัวอักษร

กรณีศึกษา: บทเรียนจากการสื่อสารในภาวะฉุกเฉิน

โรงงานผลิตชิ้นส่วนยางแห่งหนึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขนาดเล็กที่บริเวณสายพานการผลิต พนักงานคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ตกใจและไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรก่อน เพราะคู่มือความปลอดภัยเล่มหนาอยู่ในห้องเก็บเอกสารอีกอาคารหนึ่ง ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีทำให้เปลวไฟลามจนต้องใช้เวลาควบคุมนานขึ้นและสร้างความเสียหายต่อเครื่องจักรบางส่วน

หลังจากเหตุการณ์นั้น โรงงานได้ปรับปรุงใหม่ โดยจัดทำแผนภาพ Infographic ขนาดใหญ่เพียงแผ่นเดียว ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งโรงงาน โดยเฉพาะบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง ใน Infographic นั้น ประกอบด้วย:

  • สัญลักษณ์และสี: แยกประเภทความเสี่ยง (ไฟไหม้, สารเคมีรั่วไหล) ด้วยสีที่ชัดเจน
  • ขั้นตอนการปฏิบัติ 1-2-3: ระบุขั้นตอนการรับมือฉุกเฉินอย่างสั้น กระชับ เช่น “1. หยุดเครื่องจักร, 2. กดออดฉุกเฉิน, 3. ใช้ถังดับเพลิงตามประเภท”
  • เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน
  • แผนผังแสดงเส้นทางหนีภัย

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเวลาผ่านไป พนักงานทุกคนสามารถทำความเข้าใจและจดจำขั้นตอนเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เห็น Infographic ทุกวัน มันฝังลึกเข้าไปในจิตสำนึก และเมื่อเกิดเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ขึ้นอีกครั้ง ทุกคนสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบมากขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาไม่ต้อง “คิด” แต่สามารถ “ทำ” ได้ทันทีตามภาพที่เห็นและจำได้

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ย้ำให้เห็นว่า การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้อยู่ที่การมีข้อมูลให้มากที่สุด แต่เป็นการทำให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดนั้นเข้าถึงได้ง่ายที่สุด, เข้าใจง่ายที่สุด, และสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความ แผนภาพ Infographic จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือสื่อสาร แต่เป็นหัวใจของการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืน

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment