การบริหารความเสี่ยงความรับผิดจากผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร

การบริหารความเสี่ยงความรับผิดจากผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร

สำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์อาหาร ควรตระหนักว่าความเสี่ยงด้านความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ (Product Liability) นั้นมีโอกาสสูงกว่าอุตสาหกรรมทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นความจริงที่อาจถูกประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง บรรจุภัณฑ์อาหารไม่ใช่แค่ภาชนะทั่วไป แต่คือด่านหน้าและเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์อาหารโดยตรง การมองข้ามความเสี่ยง ณ จุดนี้ จึงเปรียบเสมือนการดำเนินธุรกิจบนความเสี่ยงที่พร้อมจะเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ

เหตุผลที่ความเสี่ยงนี้สูงกว่าปกติ มีหลายมิติที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน:

ประการแรกที่สำคัญที่สุดคือ ผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์อาหารมีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร หากบรรจุภัณฑ์มีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นการปนเปื้อนสารเคมี, การหลุดลอกของอนุภาคพลาสติก, หรือการรั่วซึมที่ทำให้เกิดการเน่าเสีย สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้บริโภค และเมื่อใดก็ตามที่ชีวิตมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ระดับของความรับผิดชอบและค่าเสียหายย่อมพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ประการที่สองคือ กฎระเบียบที่เข้มงวดและซับซ้อนของอุตสาหกรรมอาหาร โรงงานที่ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น GMP (Good Manufacturing Practices) หรือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) การละเลยข้อกำหนดแม้เพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่การถูกสั่งระงับการผลิต, การเรียกคืนสินค้า (Recall), หรือการปรับเป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งสร้างความเสียหายไม่เพียงแค่กับตัวบรรจุภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมดที่ใช้บรรจุภัณฑ์นั้นๆ

ประการที่สามคือ ผลกระทบแบบลูกโซ่ต่อแบรนด์และชื่อเสียง ในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์อาหารเพียงครั้งเดียว ชื่อเสียงของทั้งแบรนด์อาหารและแบรนด์โรงงานบรรจุภัณฑ์จะถูกทำลายอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและคู่ค้าต้องใช้เวลาและเงินลงทุนมหาศาล

กรณีศึกษา: ความเสียหายจากฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่บกพร่อง

โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกสำหรับบรรจุอาหารแช่แข็งแห่งหนึ่ง เกิดปัญหามีการค้นพบว่าฟิล์มบางล็อตมีรูพรุนขนาดเล็กที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยระบบควบคุมคุณภาพพื้นฐาน ซึ่งเกิดจากเครื่องจักรที่เสื่อมสภาพ เมื่อฟิล์มถูกนำไปบรรจุอาหารแช่แข็งในโรงงานของลูกค้า อาหารเหล่านั้นเริ่มมีปัญหาคุณภาพเนื่องจากอากาศและความชื้นเล็ดลอดเข้าไปได้ ลูกค้าซึ่งเป็นแบรนด์อาหารขนาดใหญ่จึงต้องเรียกคืนสินค้ามูลค่าหลายสิบล้านบาทจากซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ

ผลลัพธ์คือ โรงงานฟิล์มพลาสติกถูกฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่ครอบคลุมไม่เพียงแค่ค่าฟิล์ม แต่รวมถึงค่าสินค้าอาหารทั้งหมดที่ถูกทำลาย, ค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนสินค้า, ค่าตรวจสอบ, ค่าปรับ, และค่าความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์อาหารนั้นๆ คดีความยืดเยื้อและท้ายที่สุดโรงงานฟิล์มต้องชดเชยเงินเป็นจำนวนมากที่สูงกว่าวงเงินประกัน Product Liability ที่มีอยู่หลายเท่าตัว จนสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าความเสียหายจาก Product Liability ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารนั้น ไม่ใช่แค่ค่าซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสินค้า แต่คือผลกระทบที่กว้างขวางและลึกซึ้ง

ดังนั้น หากโรงงานมีการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร การทำความเข้าใจและบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน Product Liability อย่างจริงจังจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ไม่ใช่แค่มีประกันไว้ตามธรรมเนียม แต่ต้องแน่ใจว่ากรมธรรม์ที่มีอยู่นั้นครอบคลุมความเสี่ยงเฉพาะทางเหล่านี้อย่างแท้จริงและมีวงเงินที่เพียงพอ

การลงทุนในระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด, การฝึกอบรมพนักงาน, และที่สำคัญที่สุดคือการเลือกแผนประกันความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับความเสี่ยงของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารโดยผู้เชี่ยวชาญ จะเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากวิกฤตที่คาดไม่ถึง

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment