ความสำคัญของเงินเคลมระหว่างกาล (Interim Payment) ต่อการรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจ

ความสำคัญของเงินเคลมระหว่างกาล (Interim Payment) ต่อการรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจ

ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอย่างโรงงานผลิตพลาสติก, ยาง, ไม้, หรือกระดาษ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดรุนแรงเกินกว่าที่คาดคิด ดังนั้น “เงินเคลมระหว่างกาล” (Interim Payment) จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม การบริหารความเสี่ยงไม่ใช่เพียงแค่การมีประกันคุ้มครอง แต่คือการเข้าใจกลไกที่จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้รวดเร็วที่สุดเมื่อวิกฤตมาถึง

เหตุใดเงินเคลมระหว่างกาลจึงมีความสำคัญ

กระบวนการประเมินและอนุมัติเงินเคลมก้อนใหญ่จากบริษัทประกันภัยนั้นต้องใช้เวลา โดยเฉพาะในกรณีที่ความเสียหายซับซ้อนหรือต้องมีการสืบสวนสาเหตุอย่างละเอียด ซึ่งอาจกินเวลานานหลายเดือน ในช่วงเวลาที่ยาวนานนั้น ธุรกิจจะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงในขณะที่รายจ่ายประจำยังคงเดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงพนักงาน, ค่าเช่า, หรือค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูเบื้องต้น หากไม่มีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียน ธุรกิจที่เคยแข็งแกร่งก็อาจถึงจุดที่ต้องปิดตัวลง การรอเงินเคลมก้อนสุดท้ายอาจหมายถึงการหยุดชะงักของสายการผลิตและการสูญเสียลูกค้า

ในทางตรงกันข้าม การได้รับเงินเคลมระหว่างกาลเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงเงินเคลมทั้งหมด แต่ก็เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงธุรกิจให้คงอยู่ได้ ทำให้มีเงินทุนฉุกเฉินเพื่อใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่จำเป็นที่สุด, จัดหาวัตถุดิบหรือเครื่องจักรชั่วคราว, และจ่ายค่าแรงพนักงาน การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นฟูกิจการได้อย่างต่อเนื่อง, ลดระยะเวลาที่ต้องหยุดชะงัก, และรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้

กรณีศึกษา: เมื่อเงินเคลมระหว่างกาลช่วยกอบกู้ธุรกิจ

โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้แห่งหนึ่งประสบเหตุอัคคีภัยครั้งใหญ่จากไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อเครื่องจักร, วัตถุดิบ, และอาคาร ผู้บริหารมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับเงินเดือนพนักงานและคำสั่งซื้อที่ต้องส่งมอบ

ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โรงงานได้เร่งประสานงานกับบริษัทประกันภัยทันทีเพื่อขอเงินเคลมระหว่างกาล โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพยุงกระแสเงินสดและรักษาบุคลากร บริษัทประกันภัยได้เข้ามาตรวจสอบและประเมินความเสียหายเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว และอนุมัติเงินเคลมระหว่างกาลจำนวนหนึ่งภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

เงินก้อนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพื้นที่, ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น, และที่สำคัญคือสามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ตามปกติ ทำให้พนักงานยังคงมีกำลังใจในการช่วยฟื้นฟูโรงงาน นอกจากนี้ เงินส่วนหนึ่งยังถูกใช้เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบลอตใหม่ เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าบางส่วนในโรงงานชั่วคราวและส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามกำหนด

หากปราศจากเงินเคลมระหว่างกาลก้อนนี้ โรงงานแห่งนี้อาจต้องหยุดชะงักนานขึ้นและอาจเสียลูกค้าคนสำคัญไปในที่สุด แต่ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการที่ถูกต้องและการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทางการประกันภัยที่มีอยู่ ทำให้สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าที่คาดไว้

สรุป: การวางแผนล่วงหน้าเพื่อความมั่นคงที่ยั่งยืน

การวางแผนขอเงินเคลมระหว่างกาลตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องของการคาดการณ์ในแง่ร้าย แต่เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อปกป้องธุรกิจในวันที่วิกฤตมาถึง การทำความเข้าใจข้อตกลงกรมธรรม์, การเก็บข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด, รวมถึงการเลือกพันธมิตรบริษัทประกันภัยที่มีกระบวนการเรียกร้องสินไหมที่รวดเร็วและยืดหยุ่น จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม

การบริหารความเสี่ยงที่แท้จริง ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การซื้อประกันให้ครอบคลุม แต่รวมไปถึงการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเงินและกระแสเงินสด เพื่อให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment