ความเสี่ยงของเตาอบไม้: เหตุใดจึงเป็นจุดที่บริษัทประกันภัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุติดไฟง่าย เช่น ไม้ ยาง พลาสติก และกระดาษ หนึ่งในจุดเสี่ยงที่บริษัทประกันภัยมักให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “เตาอบไม้” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่คือศูนย์รวมความเสี่ยงที่ต้องมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

สำหรับโรงงานผลิตไม้แปรรูปหรือเฟอร์นิเจอร์ เตาอบไม้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการอบไม้เพื่อให้ได้คุณภาพหรือการลดความชื้น อย่างไรก็ตาม เตาอบไม้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรธรรมดา แต่เป็นจุดศูนย์รวมของความเสี่ยงสูงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้อย่างมหาศาลหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่เบี้ยประกันสำหรับโรงงานที่มีเตาอบไม้มักจะสูงกว่าปกติ และมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่เข้มงวด

เหตุผลหลักที่เตาอบไม้กลายเป็นจุดสนใจเป็นพิเศษสำหรับบริษัทประกันภัยนั้นมีหลายมิติ ประการแรกคือ ธรรมชาติของเชื้อเพลิงและวัตถุดิบ ไม้เป็นวัสดุที่ติดไฟง่ายมาก เมื่ออยู่ในสภาวะอุณหภูมิสูง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเพลิงไหม้ได้ถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นประกายไฟ, เศษไม้, หรือก๊าซที่ระเหยออกมา ล้วนเป็นชนวนที่พร้อมจะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ฝุ่นไม้และขี้เลื่อยที่ฟุ้งกระจายในบริเวณใกล้เคียงยังเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่สามารถทำให้ไฟลุกลามได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง

ประการที่สองคือ ความซับซ้อนและสภาพการใช้งาน เตาอบไม้บางชนิดทำงานด้วยระบบที่ซับซ้อน มีอุณหภูมิสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน การบำรุงรักษาที่ไม่สม่ำเสมอหรือขาดการตรวจสอบตามมาตรฐาน อาจนำไปสู่ความเสี่ยงจากอุปกรณ์ชำรุด, ระบบควบคุมอุณหภูมิผิดปกติ, หรือโครงสร้างเตาอบที่เสื่อมสภาพ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อรวมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาทของบุคลากร ก็ยิ่งเพิ่มความเปราะบางให้กับระบบทั้งหมด

กรณีศึกษา: บทเรียนจากเหตุการณ์เพลิงไหม้เตาอบไม้

กรณีศึกษาหนึ่งที่สะท้อนถึงความเสี่ยงนี้คือเหตุการณ์ในโรงงานอบไม้แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก ซึ่งมีเตาอบไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้งานมานานเกือบ 20 ปี แม้จะมีการบำรุงรักษาตามปกติ แต่ยังขาดการตรวจสอบเชิงลึกที่ทันสมัย วันหนึ่งระบบควบคุมอุณหภูมิเกิดขัดข้องโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ความร้อนภายในเตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินค่ามาตรฐาน ประกอบกับมีเศษไม้ไปติดอยู่ในระบบระบายอากาศที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการลุกไหม้จากภายในเตาอบ และด้วยความรุนแรงของเพลิง ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังกองไม้ที่อยู่ใกล้เคียงและอาคารโรงงานทั้งหมด

ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมหาศาล ตัวอาคารและเครื่องจักรหลักเสียหายทั้งหมด สินค้าและวัตถุดิบกลายเป็นเถ้าถ่าน ที่สำคัญที่สุดคือโรงงานต้องหยุดการผลิตไปนานกว่า 6 เดือนเพื่อฟื้นฟู แม้จะมีประกันอัคคีภัยคุ้มครอง แต่การสูญเสียรายได้ในช่วงที่หยุดกิจการ (Business Interruption) และความเสียหายต่อชื่อเสียง รวมถึงการสูญเสียลูกค้า เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้และยากที่จะฟื้นคืน เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า หากขาดการบริหารจัดการความเสี่ยงจากแหล่งกำเนิดอย่างลึกซึ้ง ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายกว่าที่คาดคิด

ดังนั้น การบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเตาอบไม้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำประกันภัยให้ครอบคลุมเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง การทำความเข้าใจความเสี่ยงที่แฝงอยู่, การลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัย, การฝึกอบรมบุคลากร, และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง จะช่วยให้สามารถออกแบบแผนประกันภัยและมาตรการป้องกันที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การมองหาราคาเบี้ยที่ถูกที่สุด แต่เป็นการมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมและสร้างความมั่นใจได้มากที่สุด

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment