
สำหรับผู้ประกอบการโรงงานผลิตที่ต้องเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บยางแผ่น การจัดเก็บกองยางจำนวนมากไว้นอกอาคารอาจเป็นเรื่องของความจำเป็นทางพื้นที่, การบ่มยางตามธรรมชาติ, หรือการลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของการประกันภัย การจัดเก็บลักษณะนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่บริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ไม่พึงประสงค์ และอาจส่งผลกระทบต่อเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่ได้รับ
เหตุผลที่บริษัทประกันภัยมีความกังวลต่อการจัดเก็บยางแผ่นนอกอาคารนั้น มีพื้นฐานมาจากหลักการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด ยางเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ติดไฟง่ายและลุกลามได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่เกิดอัคคีภัย กองยางที่อยู่ภายนอกอาคารสามารถขยายความเสียหายไปยังอาคาร โรงงาน หรือเครื่องจักรที่อยู่ใกล้เคียงได้อย่างรุนแรง ทำให้การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสภาพอากาศก็เป็นอีกหนึ่งความกังวล ทั้งน้ำฝน, แสงแดด, หรือลมพายุ ที่อาจทำให้ยางเสื่อมคุณภาพหรือสร้างความเสียหายได้ รวมถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการโจรกรรมที่เพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าการบริหารจัดการพื้นที่ของโรงงานอุตสาหกรรมมีความท้าทาย แต่ในสายตาของบริษัทประกันภัย ความท้าทายเหล่านี้ถูกแปลเป็นความเสี่ยงที่ไม่ได้ถูกควบคุม และจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของเบี้ยประกันที่สูงขึ้น หรือเงื่อนไขความคุ้มครองที่จำกัดลง การปกปิดข้อมูลการจัดเก็บภายนอกอาคารเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ หากพบว่ามีการปกปิดข้อมูลความเสี่ยงที่เป็นสาระสำคัญ
กรณีศึกษา: บทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้กองยางนอกอาคาร
โรงงานผลิตยางแผ่นแห่งหนึ่งในภาคใต้เคยประสบเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ โดยมีจุดเริ่มต้นจากประกายไฟใกล้กับกองยางแผ่นที่เก็บไว้นอกอาคาร ด้วยสภาพอากาศที่แห้งแล้งและลมแรง ประกอบกับปริมาณยางมหาศาลที่ถูกจัดวางโดยไม่เว้นระยะห่างที่เหมาะสม ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปยังอาคารผลิตและคลังสินค้าที่อยู่ติดกัน แม้โรงงานจะมีประกันอัคคีภัย แต่เนื่องจากข้อมูลการจัดเก็บยางภายนอกอาคารไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทำให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างยากลำบาก และท้ายที่สุดโรงงานก็ไม่ได้รับการชดเชยอย่างเต็มจำนวน จนเกือบจะต้องปิดกิจการ
ดังนั้น การจัดเก็บยางแผ่นไว้นอกอาคารจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องปกปิด แต่เป็นสิ่งที่ต้องบริหารจัดการและนำเสนออย่างชาญฉลาดและโปร่งใสกับบริษัทประกันภัย การเจรจาต่อรองกับบริษัทประกันคือการพิสูจน์ให้เห็นว่าได้มีการดำเนินการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างจริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น การสร้างแนวกันไฟที่ชัดเจน, การจัดให้มีระบบดับเพลิงเบื้องต้นที่เข้าถึงง่าย, การติดตั้งกล้องวงจรปิด, การใช้ผ้าคลุมที่มีคุณภาพ, การยกกองยางขึ้นจากพื้น, หรือการมีแผนฉุกเฉินรับมืออัคคีภัยที่ผ่านการฝึกซ้อม
การนำเสนอแผนการบริหารความเสี่ยงเหล่านี้อย่างละเอียดและเป็นรูปธรรม จะช่วยเปลี่ยนมุมมองของบริษัทประกันภัยจาก “ความเสี่ยงสูงที่ควบคุมไม่ได้” ให้กลายเป็น “ความเสี่ยงที่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ” ซึ่งจะนำไปสู่ข้อเสนอประกันภัยที่สมเหตุสมผลและเงื่อนไขความคุ้มครองที่ดีกว่า
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm