กรณีศึกษา: การเรียกร้องสินไหมทดแทนจากเหตุท่อสตีมระเบิดในโรงงานยาง

กรณีศึกษา: การเรียกร้องสินไหมทดแทนจากเหตุท่อสตีมระเบิดในโรงงานยาง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการประกันภัยโรงงานเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง โดยผู้ประกอบการจำนวนมากมักคิดว่าการมีกรมธรรม์คุ้มครองอัคคีภัยพื้นฐานก็เพียงพอแล้วสำหรับการคุ้มครองทรัพย์สินทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การประกันภัยโรงงานมีความซับซ้อนกว่านั้น และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปอาจนำมาซึ่งความสูญเสียทางการเงินอย่างมหาศาล

สาเหตุหลักที่ทำให้การเรียกร้องสินไหมทดแทนในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานที่มีเครื่องจักรและกระบวนการผลิตซับซ้อน มักเกิดปัญหา ไม่ใช่เพราะบริษัทประกันภัยไม่ต้องการจ่าย แต่เป็นเพราะความไม่เข้าใจในขอบเขตความคุ้มครองที่แท้จริงตั้งแต่แรก กรมธรรม์แต่ละฉบับมีภาษาเฉพาะและข้อยกเว้นที่แตกต่างกัน ซึ่งมักถูกมองข้ามไป

โดยทั่วไป กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยพื้นฐานจะคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดจากอัคคีภัย, ฟ้าผ่า, หรือภัยระเบิดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เท่านั้น แต่สำหรับภัยระเบิดที่เกิดจากภายในของเครื่องจักรหรือภาชนะรับแรงดัน เช่น หม้อไอน้ำ (Boiler) หรือท่อสตีมแรงดันสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภท รวมถึงโรงงานยาง นี่คือจุดที่ความคุ้มครองมาตรฐานอาจไม่ครอบคลุมโดยตรง และจำเป็นต้องพิจารณาความคุ้มครองเพิ่มเติมที่เรียกว่า ประกันภัยเครื่องจักร (Machinery Breakdown Insurance) หรือ ประกันภัยหม้อไอน้ำและภาชนะรับแรงดัน (Boiler & Pressure Vessel Insurance)

การละเลยที่จะพิจารณาถึงความเสี่ยงเฉพาะด้านเหล่านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผลกระทบต่อทรัพย์สิน แต่ยังส่งผลต่อการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Business Interruption) ที่อาจทำให้โรงงานต้องปิดทำการเป็นเวลานาน สูญเสียรายได้ และอาจสูญเสียลูกค้าไปอย่างถาวร ความเข้าใจผิดที่ว่าประกันอัคคีภัยคุ้มครองทุกอย่าง จึงเป็นกับดักที่ธุรกิจจำนวนมากต้องเผชิญเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น

กรณีศึกษาจริงจากโรงงานยาง

โรงงานยางแห่งหนึ่งที่ใช้งานท่อสตีมแรงดันสูงในการอบยาง ประสบเหตุท่อสตีมระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แรงอัดมหาศาลทำให้ตัวท่อเสียหายอย่างหนัก ผนังอาคารใกล้เคียงพังทลาย และเครื่องจักรบางส่วนที่อยู่ติดกันเสียหาย การผลิตต้องหยุดชะงักทันที

เมื่อถึงขั้นตอนการเรียกร้องสินไหม ผู้บริหารโรงงานมั่นใจว่าตนเองมีประกันอัคคีภัยที่ครอบคลุมภัยระเบิดด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ:

  1. ความเสียหายต่อตัวท่อสตีมที่ระเบิด: กรมธรรม์อัคคีภัยมาตรฐานไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเครื่องจักรหรือภาชนะรับแรงดันเองที่เป็นต้นเหตุของการระเบิด ความคุ้มครองภัยระเบิดภายใต้กรมธรรม์อัคคีภัยมุ่งเน้นไปที่ความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินอื่น ๆ อันเป็นผลมาจากการระเบิด ไม่ใช่การซ่อมแซมตัวท่อที่เป็นต้นเหตุ
  2. ความเสียหายต่อเครื่องจักรอื่น: แม้เครื่องจักรอื่นที่เสียหายจากแรงระเบิดจะได้รับความคุ้มครอง แต่การประเมินค่าเสียหายก็มีความซับซ้อน
  3. การหยุดชะงักทางธุรกิจ: โรงงานต้องหยุดการผลิตไปหลายสัปดาห์ แต่ประกันอัคคีภัยที่ซื้อไว้ไม่ได้มีการซื้อความคุ้มครองการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Business Interruption) เพิ่มเติม ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียโอกาสทางธุรกิจและกำไรที่สูญเสียไปได้

จากกรณีนี้ โรงงานยางแห่งนั้นต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมท่อสตีมเองทั้งหมด รวมถึงรายได้ที่สูญเสียไปจากการหยุดการผลิต ซึ่งนับเป็นบทเรียนราคาแพงที่เกิดขึ้นเพราะขาดความเข้าใจในรายละเอียดของกรมธรรม์ และไม่ได้ประเมินความเสี่ยงเฉพาะของธุรกิจอย่างรอบด้าน

ดังนั้น การทำประกันภัยโรงงานจึงไม่ใช่แค่การมีประกัน แต่เป็นการมีประกันที่ถูกต้องและครอบคลุมความเสี่ยงเฉพาะของธุรกิจ หากธุรกิจเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรหนักหรือภาชนะรับแรงดันสูง การพึ่งพาข้อมูลเบื้องต้นอาจไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องอาศัยมุมมองและประสบการณ์จากที่ปรึกษาที่เข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่และออกแบบความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment