
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานพลาสติก, ยาง, ไม้, หรือกระดาษ กรมธรรม์ “ประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด” หรือ Industrial All Risks (IAR) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำนวนมากอาจเข้าใจว่าชื่อ “All Risks” หมายถึงการคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและอาจนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลได้
ประกันภัย IAR เป็นกรมธรรม์ที่ครอบคลุมความเสี่ยงได้กว้างขวางมาก ด้วยหลักการที่ว่า “คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินทุกประเภท เว้นแต่ที่ระบุไว้ชัดเจนในข้อยกเว้น” แต่ปัญหาคือ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะละเลยการอ่าน “ข้อยกเว้น” เหล่านี้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นจุดที่อาจสร้างช่องว่างความคุ้มครองที่สำคัญ
เหตุผลที่กรมธรรม์ IAR ไม่ได้ครอบคลุมทุกความเสี่ยง เนื่องจากในความเป็นจริง มีความเสี่ยงบางประเภทที่ไม่สามารถนำมาเอาประกันภัยได้, เป็นความเสี่ยงที่อยู่เหนือการควบคุม, หรือเป็นความเสี่ยงที่ควรจะอยู่ภายใต้กรมธรรม์เฉพาะทางมากกว่า เพื่อให้การคุ้มครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทประกันภัยจึงใช้หลักการนี้ในการกำหนดข้อยกเว้นที่พบได้บ่อยในกรมธรรม์ IAR การทำความเข้าใจข้อยกเว้นเหล่านี้จะช่วยให้สามารถวางแผนบริหารความเสี่ยงได้อย่างรอบด้านยิ่งขึ้น
จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรม สามารถสรุป 5 ข้อยกเว้นสำคัญที่มักถูกมองข้ามและเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความเสียหายที่ไม่คาดคิดได้ดังนี้:
1. ความเสื่อมสภาพ, การสึกหรอ, ข้อบกพร่องโดยธรรมชาติ หรือการชำรุดจากการใช้งานปกติ (Wear and Tear, Inherent Defect, Gradual Deterioration) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรเดินเครื่องตลอดเวลา นี่คือข้อยกเว้นที่พบบ่อยที่สุด ประกันภัย IAR คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ฉับพลันและไม่คาดฝัน เช่น อัคคีภัย หรือน้ำท่วม แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการสึกหรอตามอายุการใช้งาน, การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา, หรือข้อบกพร่องที่มีมาแต่เดิมของทรัพย์สิน ตัวอย่างเช่น หากสายพานเครื่องจักรขาดเพราะใช้งานมานานและถึงอายุขัย หรือมอเตอร์ไหม้จากการสะสมความร้อนเรื้อรัง กรณีเหล่านี้จะไม่เข้าข่ายการคุ้มครองตามกรมธรรม์ IAR ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ที่เข้มแข็ง
2. ภัยสงคราม, การก่อการร้าย, และภัยจากนิวเคลียร์ (War, Terrorism, Nuclear Risks) ข้อยกเว้นกลุ่มนี้ถือเป็นมาตรฐานสากลในกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินเกือบทุกประเภท เนื่องจากเป็นความเสี่ยงที่มีขอบเขตความเสียหายมหาศาล เกินกว่าที่บริษัทประกันภัยทั่วไปจะรับผิดชอบไหวโดยตรง หากโรงงานอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทางการเมืองหรือมีความกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้าย อาจต้องพิจารณาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมโดยเฉพาะ (Endorsement) สำหรับภัยก่อการร้าย ซึ่งบางบริษัทประกันภัยอาจเสนอให้ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ
3. มลภาวะและการปนเปื้อน (Pollution and Contamination) สำหรับโรงงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมี ข้อยกเว้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทั่วไปแล้ว IAR จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการรั่วไหล, การปนเปื้อน, หรือมลภาวะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดหรือการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เว้นแต่การปนเปื้อนนั้นเกิดจากเหตุการณ์ที่คุ้มครองโดยกรมธรรม์อย่างฉับพลันและไม่คาดฝัน เช่น อัคคีภัยทำให้ถังสารเคมีระเบิดและรั่วไหล การมีระบบจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพ และการประกันภัยความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Liability Insurance) แยกต่างหากจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
4. การสูญเสียผลกำไร หรือการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Consequential Loss / Business Interruption) โดยไม่ได้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม นี่คือข้อยกเว้นที่สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจมากที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง ประกันภัย IAR จะคุ้มครองความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สิน เช่น เครื่องจักรเสียหายจากไฟไหม้ แต่จะไม่คุ้มครองผลสืบเนื่องจากความเสียหายนั้นโดยตรง เช่น กำไรที่หายไปจากการที่โรงงานต้องหยุดผลิต หรือค่าใช้จ่ายคงที่ที่ยังคงต้องจ่ายระหว่างที่โรงงานปิดซ่อม หากต้องการความคุ้มครองในส่วนนี้ จะต้องซื้อความคุ้มครองการหยุดชะงักทางธุรกิจ (Business Interruption – BI) เพิ่มเติม ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยพยุงธุรกิจให้อยู่รอดได้ในยามวิกฤต
5. ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ (Cyber Risks) ในยุคดิจิทัล ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การถูกโจมตีด้วย Ransomware หรือการถูกเจาะระบบข้อมูล กลายเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อการดำเนินงานของโรงงานสมัยใหม่ กรมธรรม์ IAR ซึ่งเน้นความคุ้มครองความเสียหายทางกายภาพต่อทรัพย์สิน จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยไซเบอร์เหล่านี้ ผู้ประกอบการที่พึ่งพาระบบอัตโนมัติหรือการจัดการข้อมูลดิจิทัลจึงควรพิจารณาประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance) แยกต่างหาก เพื่อปิดช่องว่างความเสี่ยงที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
โดยสรุป กรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด (IAR) เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่ทรงพลังและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การเชื่อตามชื่อ “All Risks” เพียงอย่างเดียว โดยไม่ทำความเข้าใจใน “ข้อยกเว้น” ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในกรมธรรม์ ถือเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวง เพราะจะนำมาซึ่งความคาดหวังที่ผิดพลาดและการเตรียมพร้อมรับมือที่ไม่เพียงพอ การอ่านกรมธรรม์อย่างละเอียดถี่ถ้วนและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยตรง ไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรทำ แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นคุ้มค่าและให้ความคุ้มครองที่แท้จริง
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm