3 จุดเสี่ยงที่มักถูกมองข้ามในโรงงานอุตสาหกรรม: มุมมองจากผู้สำรวจภัย

3 จุดเสี่ยงที่มักถูกมองข้ามในโรงงานอุตสาหกรรม: มุมมองจากผู้สำรวจภัย

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม การเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ จากมุมมองของผู้สำรวจภัย (Loss Adjuster) ความเสียหายร้ายแรงส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดขึ้นจากจุดที่ผู้ประกอบการ “คิดว่า” เสี่ยงที่สุด แต่กลับมาจากจุดที่ถูกมองข้ามหรือให้ความสำคัญน้อยกว่า

บ่อยครั้งที่เจ้าของโรงงานมักจะมุ่งความสนใจไปที่เครื่องจักรผลิตหลักราคาแพง หรือระบบไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง แต่ทว่าอุบัติเหตุที่บานปลายจนกลายเป็นความเสียหายระดับรุนแรง มักมีจุดกำเนิดจากจุดเล็กๆ ที่ถูกละเลยไป และนี่คือ 3 จุดเสี่ยงที่ผู้สำรวจภัยมักจะชี้ให้เห็นว่าสร้างความเสียหายมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ:

1. ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ใช่เครื่องจักรหลัก ต้นตอของความเสียหายร้ายแรงหลายครั้งมาจาก “เส้นเลือดฝอย” ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา เช่น ระบบสายไฟที่เก่าหรือชำรุดในพื้นที่ที่ไม่ใช่สายการผลิตหลัก อาทิ ห้องเก็บของ, สำนักงาน, หรือใต้ฝ้าเพดาน, ระบบปรับอากาศและระบายอากาศที่สะสมฝุ่นผงและขาดการบำรุงรักษา จนเกิดการลัดวงจรหรือความร้อนสะสม, หรือแม้แต่ระบบท่อประปาและระบบระบายน้ำเสีย ที่เกิดการรั่วซึมเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างอาคารและเครื่องจักรที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่รู้ตัว เหตุผลที่จุดเหล่านี้อันตรายมากก็เพราะมัน “ซ่อนเร้น” และมักอยู่นอกเหนือจากการตรวจสอบประจำวัน ทำให้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น มักจะลุกลามไปในวงกว้างก่อนที่จะถูกตรวจพบ

2. พื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป แม้โกดังเก็บของอาจดูเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ในมุมมองของผู้สำรวจภัย พื้นที่เหล่านี้กลับเป็นแหล่งสะสม “เชื้อเพลิง” ชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงงานพลาสติก, ยาง, ไม้, หรือกระดาษที่วัตถุดิบและสินค้าล้วนเป็นสารไวไฟสูง การจัดเก็บที่ไม่เป็นระบบ, การกองสูงเกินไป, หรือไม่มีการแบ่งแยกประเภทสารไวไฟอย่างชัดเจน ล้วนเป็นปัจจัยเร่งความเสียหาย ที่น่ากังวลที่สุดคือ ระบบป้องกันอัคคีภัย เช่น หัวสปริงเกลอร์ อาจไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณเชื้อเพลิงที่เข้มข้นในระดับนั้น หรืออาจถูกบดบังจากกองสินค้าจนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเกิดประกายไฟเล็กๆ ความเสียหายก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็วและควบคุมได้ยาก

3. การบำรุงรักษาเล็กน้อยและงานช่างนอกแผน ความเสียหายครั้งใหญ่มักเริ่มต้นจากงานที่ดูเหมือนจะ “เล็กน้อย” หรือ “ไม่สำคัญ” เช่น การเชื่อม, ตัด, เจียร, ซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ นอกพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้, การทำความสะอาดเครื่องจักรที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน, หรือการซ่อมบำรุงระบบเสริมต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำ, พัดลมระบายอากาศ ที่ไม่ได้อยู่ในตารางการบำรุงรักษาหลัก และดำเนินการโดยบุคคลที่ไม่ใช่ช่างผู้เชี่ยวชาญ กรณีไฟไหม้โรงงานขนาดใหญ่ที่เริ่มต้นจากการเชื่อมชิ้นส่วนเล็กๆ บนหลังคา แล้วสะเก็ดไฟกระเด็นไปติดฉนวนกันความร้อนที่มองไม่เห็น หรือการที่โรงงานต้องหยุดชะงักทั้งระบบเพราะระบบน้ำหล่อเย็นเล็กๆ เสียหายเนื่องจากการบำรุงรักษาที่ไม่ถูกวิธี ล้วนเกิดจากความประมาทที่มาจากความคุ้นชินหรือการมองข้ามขั้นตอนความปลอดภัยพื้นฐาน

บทเรียนจากสนามจริง

ผู้สำรวจภัยมักมองเห็น “ความเชื่อมโยง” ของความเสียหาย เหตุการณ์เล็กๆ ในจุดที่ถูกมองข้าม มักเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์ที่ใหญ่ขึ้นและบานปลายไปยังส่วนสำคัญของโรงงานจนหยุดการผลิตทั้งหมด เช่น หากเกิดไฟไหม้ในพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบที่ไม่ได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอ ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภค ทำให้เครื่องจักรหลักในพื้นที่อื่นต้องหยุดทำงานไปด้วย แม้เครื่องจักรเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกไฟไหม้โดยตรงก็ตาม แต่ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูธุรกิจกลับเพิ่มขึ้นมหาศาลจาก Business Interruption ที่ไม่ได้ถูกคำนวณไว้ตั้งแต่แรก

ท้ายที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจความเสี่ยงในโรงงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่การประเมินมูลค่าเครื่องจักรหรืออาคารเท่านั้น แต่คือการมองเห็น “จุดบอด” หรือ “จุดเชื่อมโยง” ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายที่คาดไม่ถึง การลงทุนในการประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยมองจากมุมมองของผู้สำรวจภัยที่เห็นความจริงหลังเกิดเหตุเสมอ จะช่วยให้สามารถป้องกันและบรรเทาความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจได้ว่ากรมธรรม์ประกันภัยที่มีอยู่นั้น สามารถตอบโจทย์ความเสี่ยงที่แท้จริงของธุรกิจได้อย่างครอบคลุม

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment