
ในวงการอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะโรงงานที่ทำงานกับวัสดุไวไฟอย่างยาง พลาสติก ไม้ หรือกระดาษ ผู้ประกอบการจำนวนมากมักมุ่งความสนใจไปที่ความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหรือวัตถุดิบหลัก แต่อาจมองข้ามหัวใจที่แท้จริงของความเสี่ยงอัคคีภัย นั่นก็คือแผนกผสมเคมี (Compounding Department)
จุดกำเนิดของอัคคีภัยรุนแรงมักเริ่มต้นขึ้นในแผนกผสมเคมี ไม่ใช่แค่เพราะมีสารเคมีหลากหลายชนิดอยู่รวมกันเท่านั้น แต่เพราะเป็นพื้นที่ที่เกิดปฏิกิริยา การแปรรูป และการสะสมความร้อน ซึ่งเป็นชนวนชั้นดีที่พร้อมจะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา แผนกนี้จึงเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการบริหารความเสี่ยง
เหตุใดแผนกผสมเคมีจึงเป็นจุดอันตราย
การผสมเคมี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางและพลาสติก เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับสารหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็ล้วนเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงอัคคีภัยอย่างมีนัยสำคัญ
ประการแรกคือ ธรรมชาติของวัตถุดิบและสารเคมี ในแผนกนี้ไม่ได้มีแค่ยางดิบหรือพลาสติก แต่มีสารเติมแต่ง (Additives) อีกหลายชนิด เช่น ผงคาร์บอนแบล็ค (Carbon Black) ซึ่งเป็นผงละเอียดที่ไวไฟสูงและอาจก่อให้เกิดการระเบิดของฝุ่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีกำมะถัน (Sulfur), สารเคมีเร่งปฏิกิริยา (Accelerators), และน้ำมัน (Process Oils) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารอินทรีย์ที่ไวไฟ และบางชนิดอาจสลายตัวเมื่อได้รับความร้อนสูงจนเกิดก๊าซไวไฟได้
ประการที่สองคือ ความร้อนและแรงเสียดทานจากกระบวนการผลิต เครื่องจักรที่ใช้ในแผนกผสมเคมี เช่น เครื่องผสมยาง (Banbury Mixer) หรือเครื่องบดผสม (Open Mill) ทำงานภายใต้แรงเฉือนและแรงบดอัดมหาศาล ทำให้เกิดความร้อนสะสมจำนวนมากจากแรงเสียดทาน หากระบบระบายความร้อนทำงานไม่สมบูรณ์ หรือมีการสะสมของวัตถุดิบรอบๆ เครื่องจักร ความร้อนเหล่านี้สามารถเป็นชนวนจุดประกายไฟได้ นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรก็เป็นอีกแหล่งกำเนิดความร้อนและประกายไฟที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ประการสุดท้ายคือ การมองข้ามการสะสมของฝุ่นเคมีและการบำรุงรักษา ฝุ่นผงเคมีที่ละเอียดสามารถลอยฟุ้งและไปจับเกาะอยู่ตามโครงสร้างอาคารและอุปกรณ์ต่างๆ การสะสมของฝุ่นเหล่านี้เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่รอคอยประกายไฟ ไม่ว่าจะเป็นจากไฟฟ้าสถิต, มอเตอร์ที่ร้อนจัด, หรือการทำงานที่เกิดความร้อนในบริเวณใกล้เคียง การบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ไม่ครอบคลุมถึงการทำความสะอาดฝุ่นละเอียดและการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นช่องโหว่สำคัญที่อาจถูกละเลย
บทเรียนจากเหตุการณ์เพลิงไหม้
กรณีศึกษาหนึ่งที่สะท้อนถึงความเสี่ยงนี้คือเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในโรงงานผลิตยางแห่งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในแผนกผสมเคมี โดยไม่ได้เริ่มต้นจากกองยางในคลังสินค้า แต่เริ่มจากเครื่องผสมสารเคมี (Internal Mixer)
จากการตรวจสอบพบว่าสาเหตุเกิดจากฝุ่นผงคาร์บอนแบล็คที่สะสมอยู่ใต้ฐานเครื่องจักร ซึ่งไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง ประกอบกับลูกปืน (Bearing) ของมอเตอร์ขับเคลื่อนเกิดการสึกหรอและร้อนจัดจนเกิดประกายไฟ ประกายไฟนั้นได้จุดติดฝุ่นผงคาร์บอนแบล็ค ทำให้เกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็วและลุกลามไปยังสารเคมีอื่นๆ ที่จัดเก็บอยู่ใกล้เคียง ก่อนจะขยายวงไปยังส่วนอื่นๆ ของโรงงาน แม้จะไม่มีผู้บาดเจ็บร้ายแรง แต่ความเสียหายต่ออาคาร เครื่องจักร และวัตถุดิบสูงถึงหลักร้อยล้านบาท และต้องหยุดสายการผลิตไปนานเกือบครึ่งปี
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า จุดเสี่ยงที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่วัตถุดิบปลายทาง แต่อยู่ที่กระบวนการเริ่มต้นและการจัดการฝุ่นผงเคมีที่อาจถูกมองข้าม
สรุปมุมมองที่ควรพิจารณา
แผนกผสมเคมีในโรงงานยาง, พลาสติก, หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้สารเคมีไวไฟในกระบวนการผสม คือจุดเสี่ยงอัคคีภัยที่สำคัญที่สุดและควรได้รับการเอาใจใส่สูงสุดในการวางแผนบริหารความเสี่ยงและการประกันภัย การประเมินความเสี่ยงที่แม่นยำไม่ใช่เพียงการพิจารณาปริมาณวัตถุดิบ แต่ต้องเจาะลึกถึงคุณสมบัติเฉพาะของสารเคมี, กระบวนการที่ก่อให้เกิดความร้อนและประกายไฟ, รวมถึงการจัดการพื้นที่และการบำรุงรักษาเชิงป้องกันอย่างละเอียด
การลงทุนในระบบป้องกันอัคคีภัยที่เหมาะสม, การฝึกอบรมพนักงาน, และการมีแผนประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงในแผนกผสมเคมีโดยเฉพาะ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm