การเปรียบเทียบเทคโนโลยีตรวจจับความเสี่ยง: กล้องวงจรปิด (CCTV) และระบบตรวจจับความร้อน (Thermal Scan)

สำหรับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น โรงงานพลาสติก, ยาง, ไม้, หรือกระดาษ คำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาบ่อยครั้งคือ “ระหว่างกล้องวงจรปิด (CCTV) กับระบบตรวจจับความร้อน (Thermal Scan) เทคโนโลยีใดคือการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าในการป้องกันความเสี่ยงในยุคปัจจุบัน”

ในขณะที่กล้องวงจรปิดยังคงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับด้านความปลอดภัยและการเก็บหลักฐาน แต่หากมองในแง่ของการ “ป้องกัน” ความเสียหายร้ายแรงและ “ลดความเสี่ยง” ที่ต้นเหตุแล้ว ระบบ Thermal Scan คือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เหนือกว่าและกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกในโรงงานยุคใหม่

เหตุผลสำคัญประการแรกคือ ธรรมชาติของการตรวจจับ กล้องวงจรปิดทำงานบนหลักการของแสงที่มองเห็นได้ โดยจะบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น นั่นหมายความว่า หากเกิดเพลิงไหม้ขึ้น กล้องวงจรปิดจะจับภาพได้ก็ต่อเมื่อมีเปลวไฟหรือกลุ่มควันขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นแล้ว ซึ่งในหลายกรณี นั่นหมายความว่าความเสียหายได้ขยายวงกว้างไปมากพอสมควร

แต่สำหรับระบบ Thermal Scan นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยจะตรวจจับ “ความร้อน” ซึ่งเป็นความผิดปกติของอุณหภูมิที่ดวงตาเปล่ามองไม่เห็น นี่คือหัวใจสำคัญ เพราะความร้อนที่สูงเกินไปคือสัญญาณแรกเริ่มของปัญหาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีของเครื่องจักรที่กำลังจะชำรุด, ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าที่กำลังจะลัดวงจร, หรือการสะสมของวัตถุดิบที่อาจเกิดการลุกไหม้ได้เอง Thermal Scan สามารถตรวจจับความผิดปกติเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่มันจะกลายเป็นเปลวไฟหรือความเสียหายที่ไม่อาจกู้คืนได้

ประการที่สอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาอย่างจริงจัง คือเรื่องของ ต้นทุนที่แท้จริง แม้ในเบื้องต้น ระบบ Thermal Scan อาจมีต้นทุนการติดตั้งที่สูงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไป แต่ควรพิจารณาถึงต้นทุนของความเสียหายที่สามารถป้องกันได้ การที่เครื่องจักรหยุดชะงักเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพราะตรวจพบความร้อนผิดปกติและสามารถเข้าแก้ไขได้ทัน เทียบกับการที่เครื่องจักรระเบิดหรือเกิดเพลิงไหม้จนโรงงานต้องหยุดผลิตไปเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ความเสียหายในกรณีหลังนั้นประเมินค่าไม่ได้เลย ทั้งในแง่ของมูลค่าทรัพย์สิน, ผลผลิตที่สูญเสีย, โอกาสทางธุรกิจ, และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของบุคลากร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อเบี้ยประกันภัยในอนาคตด้วยเช่นกัน

กรณีศึกษา: การป้องกันเหตุด้วย Thermal Scan

โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งมีเครื่องจักร Extruder ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง วันหนึ่งระบบ Thermal Scan ที่ติดตั้งอยู่เหนือเครื่องจักรได้ส่งสัญญาณเตือนว่ามีจุดที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างผิดปกติ แม้จะยังไม่มีควันหรือเปลวไฟปรากฏให้เห็นในกล้องวงจรปิดเลยก็ตาม ทีมซ่อมบำรุงที่ได้รับแจ้งเตือนทันทีเข้าตรวจสอบ พบว่าตลับลูกปืน (Bearing) ชิ้นหนึ่งกำลังจะเสียหายและเกิดความร้อนสะสมอย่างรุนแรง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่นาน อาจทำให้เกิดการลุกไหม้จากความร้อนสูงและประกายไฟได้

ด้วยข้อมูลจาก Thermal Scan ที่แม่นยำ ทำให้สามารถตัดสินใจหยุดเครื่องจักรชั่วคราวเพื่อทำการซ่อมบำรุงได้ทันท่วงที โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการเปลี่ยนอะไหล่ ไม่มีการหยุดชะงักของการผลิตที่ยาวนาน, ไม่มีความเสียหายต่อเครื่องจักรราคาแพง, และที่สำคัญที่สุด คือไม่มีอุบัติเหตุเพลิงไหม้ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ ตรงกันข้าม หากโรงงานนี้พึ่งพาเพียงกล้องวงจรปิด จะรับรู้ถึงปัญหาก็ต่อเมื่อเปลวไฟเริ่มลุกไหม้แล้ว ซึ่งณ จุดนั้น ความเสียหายคงขยายวงเกินกว่าจะควบคุมได้ง่าย

สรุปได้ว่า แม้กล้องวงจรปิดจะเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเฝ้าระวังและการเก็บหลักฐาน แต่หากต้องการยกระดับการบริหารความเสี่ยงให้เป็นเชิงรุกอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่ออัคคีภัยหรือเครื่องจักรขัดข้องจากความร้อน การลงทุนในระบบ Thermal Scan จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าอย่างยิ่ง เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถป้องกันได้ดีกว่าการแก้ไขเสมอ

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment