ความสำคัญของประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (BI) ควบคู่กับประกันอัคคีภัยสำหรับโรงงานพลาสติก

ความสำคัญของประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (BI) ควบคู่กับประกันอัคคีภัยสำหรับโรงงานพลาสติก

สำหรับโรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีความเสี่ยงสูงอย่างโรงงานพลาสติก การให้ความสำคัญกับการทำประกันอัคคีภัยเป็นอันดับแรกถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องและจำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงการอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาวแล้ว ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption – BI) คือหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และในหลายกรณี อาจมีความสำคัญยิ่งกว่าการซ่อมแซมความเสียหายทางกายภาพ

ผู้ประกอบการจำนวนมากอาจเข้าใจว่า การมีประกันอัคคีภัยที่ครอบคลุมเพียงพอที่จะชดเชยค่าเสียหายของอาคาร เครื่องจักร และสต็อกสินค้า ก็เพียงพอแล้วสำหรับการกู้คืนสถานการณ์หลังเกิดเหตุร้ายแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของภาพความเสียหายทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น

เหตุผลสำคัญคือ ประกันอัคคีภัยทำหน้าที่เพียงชดเชยความเสียหายของทรัพย์สินที่จับต้องได้ แต่สิ่งที่ประกันอัคคีภัยไม่ได้ครอบคลุมคือ “รายได้ที่สูญเสียไป” ในช่วงเวลาที่ธุรกิจต้องหยุดชะงักเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟู ในระหว่างกระบวนการฟื้นฟูซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรืออาจเป็นปี รายจ่ายประจำของธุรกิจยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงพนักงาน, ค่าเช่า, หรือภาระหนี้สิน ในขณะที่ไม่มีรายรับเข้ามาเลย สถานการณ์นี้สามารถส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจอย่างรุนแรงจนถึงขั้นล้มละลายได้

กรณีศึกษา: ความเสียหายที่มากกว่าทรัพย์สิน

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน สามารถพิจารณาจากกรณีศึกษาของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกแห่งหนึ่งซึ่งทำสัญญาผลิตให้กับลูกค้ารายใหญ่จำนวนมาก โรงงานแห่งนี้มีประกันอัคคีภัยวงเงินสูง วันหนึ่งเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหายต่อเครื่องจักรหลักและโครงสร้างโรงงานบางส่วน

แม้ว่าประกันอัคคีภัยจะเข้ามาประเมินและชดเชยค่าเสียหายเพื่อให้โรงงานสามารถจัดหาเครื่องจักรใหม่และซ่อมแซมอาคารได้ แต่กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การเคลียร์พื้นที่, การสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่จากต่างประเทศ, การติดตั้ง, ไปจนถึงการทดสอบระบบ กินเวลาไปนานกว่า 8 เดือน ในช่วง 8 เดือนนี้ โรงงานไม่มีกำลังการผลิตเลย แต่ยังมีภาระค่าใช้จ่ายคงที่ที่ต้องจ่ายทุกเดือน ที่สำคัญที่สุดคือ การไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ทำให้ลูกค้ารายใหญ่หลายรายต้องหันไปสั่งสินค้าจากคู่แข่ง และบางรายก็สูญเสียไปอย่างถาวร รายได้ที่สูญเสียไปในช่วง 8 เดือนนั้น สูงกว่าค่าเสียหายของเครื่องจักรและอาคารที่ประกันอัคคีภัยชดเชยให้เสียอีก บทเรียนนี้แสดงให้เห็นว่า “การหยุดชะงัก” สามารถสร้างความเสียหายที่ใหญ่กว่า “ความเสียหายโดยตรง” ได้อย่างมหาศาล

ดังนั้น สำหรับโรงงานพลาสติกที่มีความเสี่ยงด้านอัคคีภัยสูง และมีกระบวนการผลิตที่ต้องใช้เครื่องจักรเฉพาะทางซึ่งมีระยะเวลาในการจัดหานาน การมีประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (BI) จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ประกันภัย BI จะเข้ามาช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป รวมถึงค่าใช้จ่ายคงที่ที่ยังคงต้องจ่ายในช่วงเวลาที่ธุรกิจไม่สามารถดำเนินกิจการได้เต็มที่ ทำให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะประคองตัว พยุงพนักงาน และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าไว้ได้ จนกว่าจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มกำลังอีกครั้ง

การลงทุนในประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก จึงไม่ใช่เพียงแค่การซื้อประกันภัย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity) และการปกป้องอนาคตทางการเงินขององค์กรอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดแล้ว การซ่อมแซมความเสียหายของอาคารและเครื่องจักรเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟู แต่การรักษากระแสเงินสดและความสามารถในการทำกำไรต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการอยู่รอดอย่างยั่งยืน

สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm

Leave a Comment