
ในอุตสาหกรรมพลาสติก “รายละเอียดเล็กน้อย” ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ อาจกลายเป็นจุดตัดสินที่สำคัญได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การที่หลายคนคิดว่า “เม็ดพลาสติก” คือเม็ดพลาสติกเหมือนกันหมดนั้น เป็นความเข้าใจที่ห่างไกลจากความเป็นจริงในมุมมองของความเสี่ยงและการประกันภัย การที่โบรคเกอร์ประกันภัยทราบถึงชนิดเม็ดพลาสติกที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น LDPE หรือ PVC จึงไม่ใช่แค่เรื่องละเอียดอ่อน แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดอนาคตความคุ้มครองของธุรกิจอย่างแท้จริง
เหตุผลสำคัญประการแรกคือ คุณสมบัติทางกายภาพและเคมีที่แตกต่างกันของเม็ดพลาสติกแต่ละชนิด ทำให้ระดับความเสี่ยงของโรงงานแปรผันไปอย่างมหาศาล LDPE (Low-Density Polyethylene) ซึ่งนิยมใช้ในการผลิตถุงพลาสติกหรือฟิล์ม มีคุณสมบัติเด่นคือติดไฟได้ง่ายและเมื่อไหม้จะเกิดควันดำปริมาณมาก หากเกิดเพลิงไหม้ LDPE จะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ลุกลามอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายจากควันและเขม่าอย่างมหาศาล
ตรงกันข้ามกับ PVC (Polyvinyl Chloride) ที่มักพบในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรงและคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ เช่น ท่อ หรือสายไฟ แม้ PVC จะถูกออกแบบมาให้ติดไฟยากกว่า แต่สิ่งที่เป็นอันตรายร้ายแรงกว่าคือเมื่อ PVC ถูกเผาไหม้ในอุณหภูมิสูง จะปล่อยก๊าซพิษ เช่น ไดออกซินและก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ ซึ่งไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังกัดกร่อนเครื่องจักร โครงสร้างอาคาร และสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและยืดเยื้อ ความแตกต่างนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเปลวไฟ แต่รวมถึงผลกระทบต่อเนื่องที่อาจประเมินค่าไม่ได้
ประการที่สอง ความเข้าใจในความเสี่ยงที่แท้จริงนี้ส่งผลโดยตรงต่อการพิจารณาเบี้ยประกันและเงื่อนไขกรมธรรม์ บริษัทประกันภัยมีเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึงประเภทวัตถุดิบที่ใช้ หากโบรคเกอร์ไม่ทราบรายละเอียดที่สำคัญนี้ อาจไม่สามารถนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่บริษัทประกันได้ การประเมินความเสี่ยงที่คลาดเคลื่อน อาจทำให้โรงงานจ่ายเบี้ยประกันที่สูงเกินจริง หรือที่เลวร้ายกว่านั้นคือ จ่ายเบี้ยประกันที่ต่ำเกินไปโดยไม่ได้ครอบคลุมความเสี่ยงที่แท้จริง
ประเด็นที่อันตรายที่สุดคือปัญหาเมื่อเกิดการเรียกร้องสินไหม กรณีศึกษาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นคือโรงงานแห่งหนึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยได้แจ้งต่อโบรคเกอร์เพียงว่าใช้ “เม็ดพลาสติก” โดยไม่ได้ระบุชนิดอย่างละเอียด กรมธรรม์จึงถูกออกโดยประเมินจากความเสี่ยงทั่วไป แต่เมื่อเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นจริง ปรากฏว่าโรงงานมีการใช้เม็ดพลาสติก PVC ชนิดพิเศษ ซึ่งเมื่อถูกเผาไหม้ได้ปล่อยควันพิษจำนวนมหาศาลที่สร้างความเสียหายจากการกัดกร่อนต่อเครื่องจักรและโครงสร้างอาคาร มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก และยังทิ้งสารปนเปื้อนตกค้างที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมหาศาลในการทำความสะอาดและบำบัด
บริษัทประกันภัยตรวจสอบพบว่าข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของเม็ดพลาสติกและลักษณะการเผาไหม้ ไม่ได้ถูกนำเสนออย่างละเอียดในขั้นตอนการพิจารณา ทำให้การประเมินความเสี่ยงไม่สมบูรณ์ แม้จะไม่ถึงกับปฏิเสธการเรียกร้องสินไหมทั้งหมด แต่สถานการณ์นี้นำไปสู่การโต้แย้งที่ยืดเยื้อ, การปรับลดวงเงินคุ้มครอง, หรือการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ทำให้เจ้าของโรงงานต้องแบกรับภาระส่วนต่างมหาศาล
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า หากโบรคเกอร์มีความเข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่ลงลึกถึงกระบวนการและวัตถุดิบที่ใช้ จะสามารถช่วยระบุความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ และจัดหากรมธรรม์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงนั้นๆ ได้ การลงทุนในการให้ข้อมูลที่ละเอียดและทำงานใกล้ชิดกับโบรคเกอร์ที่เข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง จึงไม่ใช่แค่การซื้อประกัน แต่คือการสร้างเกราะป้องกันที่มั่นคงและถูกต้องตามความเป็นจริงให้กับธุรกิจ
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่ต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เพียงเพิ่มเพื่อนทาง LINE: @siamadvicefirm