
ในยุคที่ธุรกรรมทางการเงินเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ภาคการเงินจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ (Cyber Criminals) ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมข้อมูลลูกค้า การแฮ็กระบบธนาคาร หรือการหลอกลวงทางการเงิน (Financial Fraud) ภัยคุกคามทางไซเบอร์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางการเงินอย่างมหาศาลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อสถาบันการเงินอีกด้วย
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงความเสี่ยงด้าน Cyber Security ที่สำคัญในภาคการเงิน พร้อมแนวทางการป้องกันและจัดการ เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
1. Cyber Threats: ภัยร้ายที่มาในรูปแบบใหม่ๆ
- ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในภาคการเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาชญากรไซเบอร์ใช้เทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ในการโจมตีสถาบันการเงิน รูปแบบของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญ ได้แก่
- การโจมตีแบบ Phishing: การหลอกลวงผู้ใช้ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงิน ผ่านอีเมล ข้อความ หรือเว็บไซต์ปลอม
- การโจมตีแบบ Ransomware: การเข้ารหัสข้อมูลของสถาบันการเงิน และเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับการถอดรหัส
- การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service): การทำให้ระบบของสถาบันการเงินไม่สามารถใช้งานได้ โดยการส่งข้อมูลจำนวนมากเข้าสู่ระบบ
- การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle: การดักฟังและแก้ไขข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างผู้ใช้และสถาบันการเงิน
- การโจมตีแบบ Zero-Day Exploit: การโจมตีช่องโหว่ของระบบที่ยังไม่มีใครรู้จัก หรือยังไม่มีวิธีป้องกัน
- ภัยคุกคามเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางการเงินให้กับสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และชื่อเสียงของสถาบันการเงินอีกด้วย
- แนวทางแก้ไข:
- การติดตั้งระบบป้องกัน (Security Systems): การติดตั้งระบบป้องกันที่ทันสมัย เช่น Firewall, Intrusion Detection System (IDS), Intrusion Prevention System (IPS), และ Antivirus Software
- การเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption): การเข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญ ทั้งข้อมูลที่อยู่ระหว่างการส่งผ่าน และข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบ
- การตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control): การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและระบบต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้
- การตรวจสอบช่องโหว่ (Vulnerability Assessment): การตรวจสอบช่องโหว่ของระบบอย่างสม่ำเสมอ และทำการแก้ไขช่องโหว่ที่ตรวจพบ
2. Cyber Insurance: เกราะป้องกันทางการเงินจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
- ความเสียหายจากภัยคุกคามทางไซเบอร์อาจมีมูลค่าสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูล ค่าเสียหายจากการถูกฟ้องร้อง หรือค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง
- Cyber Insurance เป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยคุ้มครองสถาบันการเงินจากความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยให้ความคุ้มครองในกรณีที่สถาบันการเงินถูกโจมตีทางไซเบอร์ หรือเกิดการละเมิดข้อมูล (Data Breach)
- ความคุ้มครองที่สำคัญ:
- ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูล: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส หรือถูกทำลาย
- ความคุ้มครองค่าเสียหายจากการถูกฟ้องร้อง: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี และค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อมูล
- ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของสถาบันการเงิน
- แนวทางแก้ไข:
- เลือกซื้อ Cyber Insurance ที่ครอบคลุมความเสี่ยง: เลือกซื้อกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สถาบันการเงินต้องเผชิญ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกซื้อ Cyber Insurance ที่เหมาะสมกับสถาบันการเงิน
3. การป้องกันเชิงรุก: สร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
- นอกจากการติดตั้งระบบป้องกัน และการมี Cyber Insurance แล้ว การป้องกันเชิงรุก (Proactive Prevention) ก็เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้าน Cyber Security
- การฝึกอบรมพนักงาน (Employee Training): การฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่อง Cyber Security และแนวทางการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
- การจำลองสถานการณ์โจมตี (Penetration Testing): การจำลองสถานการณ์โจมตีระบบของสถาบันการเงิน เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของระบบ และค้นหาช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
- การติดตามและเฝ้าระวัง (Monitoring): การติดตามและเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในระบบของสถาบันการเงิน เพื่อตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
- การอัปเดตระบบ (System Update): การอัปเดตระบบและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัย และป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
- แนวทางแก้ไข:
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจเรื่อง Cyber Security: สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในเรื่อง Cyber Security ให้กับพนักงานในทุกระดับขององค์กร
- จัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติด้าน Cyber Security: กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และสื่อสารให้พนักงานทุกคนทราบและปฏิบัติตาม
- ใช้เทคโนโลยีในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์: ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
บทสรุป:
Cyber Security เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคการเงิน การติดตั้งระบบป้องกัน การมี Cyber Insurance และการป้องกันเชิงรุก ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
Siam Advice Firm เข้าใจถึงความท้าทายและความเสี่ยงที่สถาบันการเงินต้องเผชิญในด้าน Cyber Security เราพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางการบริหารความเสี่ยงด้าน Cyber Security ที่เหมาะสมกับสถาบันการเงินของคุณ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ในด้าน Cyber Security และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!